เผยเทรนด์ผมใหม่ล่าสุดประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2012 ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าตั้งตาคอย ในงาน “The Beauty Debate 2012” ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในซีซั่นนี้ ได้กูรู 3 คนมาร่วมกันอัพเดตเทรนด์แบบละเอียดยิบ...
แซม แมคไนท์ (Sam McKnight) แพนทีน โปร-วี โกลบอล แอมบาสเดอร์ ยูจีน โซไลมาน (Eugene Souleiman) เวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ โกลบอล ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ แคร์ แอนด์ สไตลิ่ง และ จอช วูด (Josh Wood) เวลล่า โปรเฟสชั่นแนลส์ โกลบอล ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ คัลเลอร์ 3 กูรูชื่อดังเรื่องแฟชั่น มาร่วมเผยเทรนด์ประจำ Spring/Summer จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
12 Fashion Round up
โทนชุดสีขาว สีพาลเทลอ่อนละมุน หรือจะเป็น ลายพิมพ์แบบฮาวาย ดอกไม้ อาร์ตเดโค และชนเผ่าแอฟริกา จนไปถึงสีเมทัลลิกมันวาว ควบคู่กับตำนานโอลิมปิกของกรีก ผสานด้วยเทรนด์เก่าเล่าใหม่อย่าง ลูกไม้กับยุคฟิล์มนัวร์ กับการกลับมาของสาวยุค 50's คือลิสต์แสนยาวเหยียด ของเทรนด์ฤดูร้อนปีหน้า ที่เหล่าดีไซเนอร์ประโคมใส่รันเวย์ ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแรงบัลดาลใจในการออกแบบทรงผม-ลุคแต่งหน้า ที่รับได้กับทุกเทรนด์
หลากหลายเทรนด์ ในฤดูกาลหน้ามาพูดถึง อารมณ์หลักใหม่ล่ามาแรง ที่บ่งบอกถึงความ ไร้เดียงสา และโรแมนติก ดั่งสาวน้อยสุดหวาน อย่างที่เห็นในโชว์ของ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) โคลเอ้ (Chloe) และ วาเลนติโน (Valentino) ที่มีเทรนด์ วิซิเบิล ออร่า (Visible Aura) ของ พีแอนด์จี ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ส่วนลุคสาวมั่นมาดโก้แบบเทรนด์ แทงโก้ (Tango) ถูกเพิ่มความแรงและอารมณ์ยั่วยวน บนรันเวย์ มิสโซนี (Missoni) ชาแนล (Chanel) กับ แอนนา ซุย (Anna Sui) ในซีซั่นนี้ความหรูหราถูกปรับให้ดูเรียบและเบาขึ้น สังเคราะห์น้อยลง เช่น เสื้อผ้าของ ดีเคเอ็นวาย (DKNY) จีวองชี (Givenchy) และ บาลแมง (Balmain) เหมือนกับเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ (Sand Dunes) ต่างจากธีมสาวเมืองใหญ่ในโชว์ของ ดีแสควร์2 (DSquared2) กับ กุชชี่ (Gucci) ที่สะท้อนให้เห็นเทรนด์บิวตี้ กราฟฟิตี้ (Beauty Graffiti)
แพนทีน โปร-วี โกลบอล แอมบาสเดอร์ (Pantene Pro-V Global Ambassador) แซม แมคไนท์ (Sam McKnight) หนึ่งในแฮร์สไตลิสต์สุดฮอตชื่อเสียงระดับโลกที่ผลงานยังสร้างคำจำกัดความ และผลักดันแฟชั่นสไตล์ผมอย่างไม่หยุดนิ่ง ผลงานสร้างชื่อของเขาคือ ทรงผมสำหรับงานแต่งงานสไตล์รีแลกซ์เป็นธรรมชาติของซูเปอร์โมเดล เคต มอส ที่ต่อมาได้ลงในนิตยสารโว้ค สหรัฐอเมริกา ทำให้เขากลายเป็นแฮร์สไตลิสต์ที่หาตัวจับยากในด้านทรงผมสมัยใหม่ โดยซีซั่นนี้ แซม แสดงฝีมือของเขาบนรันเวย์ ชาแนล (Chanel) บาลแมง (Balmain) บลูมารีน (Blumarine) แจ็คเกอร์ (Jaeger) กับ วิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood)
เทรนด์ที่ 1 ลิควิด สคัลป์เจอร์ (Liquid Sculpture)
ซัมเมอร์นี้ อารมณ์ถูกปรับให้แกร่งขึ้น โดยส่วนทรงผมเปียกนั้นถูกใช้ในคอลเลกชั่นฤดูร้อนอยู่แล้ว แต่ว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ลุคจัดแต่งหยาบๆ แบบสาวริมชายหาด แต่เป็นเว็ทลุคสุดเนี้ยบ ที่เน้นการรวบตึงให้แน่นขึ้น ดูเฉี่ยวกว่าเดิม ซึ่งลุคนี้สอดคล้องกับเทรนด์ แทงโก้ ที่เน้นแนวคิด มาดมั่นและเร้าใจ สำหรับคอลเลกชั่นที่ได้แรงบัลดาลใจจากโครงสร้างสถาปัตยกรรม ของ นิโคล ฟาห์รี (Nicole Farhi) แซมออกแบบทรงผมหางม้า ที่ดูเนี้ยบและสะอาดตา แต่เพิ่มความมันวาวแบบเว็ทลุค “สไตล์นี้ต้องเป็นแบบสาวทะมัดทะแมงแต่ยังดูโก้หรู” เขากล่าวถึงสาเหตุที่ผมถูกรวบตึงเป็นพิเศษ จับเป็นหางม้า มัดตรงกลางด้านหลังศีรษะ แล้วจัดแต่งให้ดิ่งตรง นี่เป็นอีกหนึ่งในหลากหลายทรงหางม้าของซีซั่นนี้
เทรนด์ที่ 2 โพเอทิค อินโนเซนส์ (Poetic Innocence)
ให้ความรู้สึกเบา โปร่ง โรแมนติก และดูมีออร่าจากภายใน เหล่านางแบบดูราวกับภูติที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาดั่งเด็กน้อย โดยฤดูกาลนี้จะเน้นความงามแห่งวัยเยาว์ หรือเด็กสาววัยรุ่นควรจะงามแบบไหน แซมอธิบายเพิ่มถึงหนึ่งในลุคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในฤดูกาลนี้ ที่เห็นได้จาก แฟชั่น ทรงผม แบบหน้าเทรนด์ วิซิเบิล ออร่า สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าอารมณ์ใหม่นี้ได้รวบรวมแนวคิดจาก ความเบาลอยละล่อง ความโปร่งของเนื้อผ้า สีเหลือบไม่ฉูดฉาด และดูสว่างไสว
ม่านผมบางที่คลุมหน้านางแบบในโชว์ของ วิเวียน เวสท์วูด โกลด์ เลเบิล (Vivienne Westwood Gold Label) ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของลุคนี้ “ทรงผมนี้มีออร่าของความไร้เดียงสา ซึ่งมาจากสไตล์ที่สดใส
เทรนด์ที่ 3 ชิค โมเดิร์นนิสม์ (Chic Modernism)
ความงามแบบร่วมสมัย คือหัวใจสำคัญของเทรนด์ ทรงผมที่ดูดีมีราคาแต่ต้องไม่ตกแต่งจนเกินเลย อารมณ์ของลุคนี้เข้ากับเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ ที่ผสานความหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติ เอาไว้ในลุคเรียบๆ ทันสมัย บ่งบอกถึงการใช้ชีวิตที่ดี นั่นหมายความว่าทรงผมจะต้องสละสลวยแบบไม่ตั้งใจมาก จัดแต่งให้น้อยเข้าไว้
เทรนด์ที่ 4 โมเดิร์น นอสทัลเจีย (Modern Nostalgia)
สไตล์เรโทรในฤดูกาลนี้เน้นไปที่ช่วงกลางของศตวรรษที่ผ่านมา ทั้งยุค 50, 60 และ 70 แต่นำกลับมาใช้ในแบบร่วมสมัย และมีรายละเอียดสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี และผิวสัมผัสแบบยุ่งเหยิง ซึ่งสามารถเข้าได้กับเทรนด์ บิวตี้ กราฟฟิตี้ ที่นำสีสันสุดบรรเจิดกับพื้นผิวมารวมกันให้อารมณ์ DIY ที่โชว์ เฟนดิ (Fendi) ในมิลาน ‘Dolce Vita’ จากยุค 50
ยูจีน โซไลมาน (Eugene Souleiman) คือช่างทำผมสุดล้ำยุค ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการจัดแต่งทรงผมอย่างแท้จริง ทรงผมของเขาได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกแห่งความจริงและความเพ้อฝัน ตลอดระยะกว่า 25 ปี ในการทำงานของยูจีนเราได้พบกับเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาตามหน้านิตยสารและงานออกแบบชั้นนำของโลก ยูจีนได้ส่งผ่านทรงผมซึ่งเต็มไปด้วยไอเดียแปลกใหม่ ลูกเล่นแพรวพราว พร้อมทั้งยังอยู่ทรงได้ยาวนาน ในกว่า 20 โชว์ของเขาจากนิวยอร์กถึงมิลาน ตลอดซีซั่นนี้
เทรนด์เบลซ : อิสตรีแห่งเสน่ห์ที่เย้ายวน (Blaze- The Famme Fatale)
ลุคนี้ให้ความสำคัญกับความแข็งแรง และการจัดการเส้นผม ด้วยการเล่นกับรูปทรง และพื้นผิวของผมเพื่อสร้างทรงที่ดูเหมือนประติมากรรม จนเรียกว่าแทบจะเป็นผลงานสถาปัตยกรรมทีเดียว” ยูจีนกล่าวเมื่อบรรยายถึงบุคลิกอันชัดเจน จัดจ้านของผมแห่งอิสตรี แห่งเสน่ห์ที่เย้ายวนจาก เทรนด์ เบลซ ที่แตกหน่อออกมาจากเทรนด์ แทงโก้ 'มันเป็นสไตล์ตรงกับข้ามกับลุคสบายๆ' ยูจีนอธิบาย 'เป็นขั้วคนละด้านกับทรงผมจากการเป่าไดร์ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบและหรูหรา แต่งทรงผมให้เผยรูปหน้า” สำหรับฤดูกาล ซึ่งเต็มไปด้วยลวดลาย ภาพพิมพ์ และเครื่องประดับอลังการ ทำให้ศีรษะดูเล็กลง โดดเด่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง
เทรนด์เกรซ (Grace): เทพธิดาแห่งโลกยุคใหม่ (The modern muse)
ความสง่างามคือทิศทางใหม่สำหรับผมยาว ซึ่งขึ้นอยู่กับสุขภาพของเส้นผมมากพอๆ กับสไตล์ ลุคนี้เป็นลุคที่หรูหรามากๆ ทว่าดูเหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามเลย' ยูจีนอธิบายแนวคิดเบื้องหลังคอนเซปต์เทพธิดาแห่งโลกยุคใหม่ (The modern muse) ในเทรนด์ เกรซ ที่แตกแขนงออกมาจากเทรนด์ แซนด์ ดูนส์ ซึ่งบอกเล่าวิวัฒนาการแห่งคุณค่าของความหรูหรา และการที่ทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติได้กลายเป็นของโก้หรู หัวใจสำคัญที่ทำให้ลุคในธีมเกรซ ต่างไปจากลุคผมยาวธรรมดาๆ อยู่ที่การควบคุม ในความเห็นของยูจีน เขาบอกว่า 'ผมในลุคนี้มีแก่นแท้ที่จับต้องได้จริงๆ โดยถูกจัดแต่งให้เคลื่อนไหวได้สละสลวยเรียงตัวกัน ดังนั้น สิ่งที่คุณจะได้คือ เค้าโครงที่ชัดเจน' และเสริมต่อว่า “ลุคนี้ไม่ใช่เพียงแค่สระผมและปล่อยให้แห้ง หากต้องอาศัยการดูแล การใช้ผลิตภัณฑ์ และการจัดแต่งทรงเป็นพื้นฐานสำคัญ
เทรนด์สีผมจากแคทวอล์ก
หากคุณใช้ GPS ให้ช่วยหาพิกัดความอัจฉริยะด้านการทำสีผมที่เป็นเอกลักษณ์ของ จอช วูด ว่าอยู่ที่ไหน คุณคงถูกส่งให้ไปดินแดนในจินตนาการที่อยู่ระหว่างสตูดิโอที่มีรสนิยมทางศิลปะอย่างสูง กับห้องแล็บของพ่อมดนักวิทยาศาสตร์ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหัวของจอชนี่เอง ความสามารถของเขาในการถ่ายทอดไอเดียของเขาไปอยู่บนศีรษะของคนอื่น ซึ่งในที่นี้หมายถึงบรรดาลูกค้าที่เป็นเซเลบริตี้ระดับหัวแถว เหล่านางแบบสำหรับแฟชั่นโชว์ และถ่ายภาพแฟชั่น ในซีซั่นนี้เขาสร้างคำนิยามใหม่ให้กับคำว่า ‘บลอนด์’ ที่ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ซึ่งดูน่ารักดั่งนางฟ้าในจิตนาการ ผลงานที่เขาร่วมรังสรรค์กับยูจีน จอชได้บรรเลงสีผมให้เข้ากับเสื้อผ้า และสนุกกับการกัดสีผมหลากเฉด จนทำให้ไอเดียสีผมซีดอ่อน กลายเป็นลุคที่น่าหลงใหลที่สุด.